วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553


สำนักข่าวไชนาเดลี่ รายงานว่า แพทย์ในโรงพยาบาลทหารประจำกรุงปักกิ่งได้เร่งช่วยเหลือหนูน้อยวัย 4 ขวบ นามว่า หูหยุนซิง ชาวเมืองยุ่นเฉิง มณฑลซานสี ประเทศจีน หลังจากเธอป่วยท้องโตผิดปกติ และดูเหมือนใกล้จะแตกออกมา

โดยหูเทียนเผิง พ่อของหนูน้อยหยุนซิง ซึ่งเป็นชาวนา เล่าว่า หนูน้อยเกิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2549 และหลังจากอายุได้ 8 เดือน ท้องของหนูน้อยก็เริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ ครอบครัวจึงได้พาไปหาหมอในโรงพยาบาลที่เมืองยุ่นเฉิง แต่ก็ยังไม่ทราบสาเหตุของอาการท้องโตว่าเกิดจากอะไร จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ.2550 พ่อแม่ได้พาหยุนซิงไปตรวจที่โรงพยาบาลเด็กในกรุงปักกิ่ง แต่ก็ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างแน่ชัด ผ่านมาอีกหลายปี จนถึงขณะนี้รอบเอวของหนูน้อยมีขนาดถึง 106 เซนติเมตรเข้าไปแล้ว ซึ่งแตกต่างจากเด็กวัยเดียวกันที่ปกติจะมีรอบเอวอยู่ที่ 20-30 เซนติเมตรเท่านั้น


กระทั่งเมื่อต้นปีนี้ หูเทียนเผิง ได้ดูข่าวที่นำเสนอเรื่องราวของเด็กชายชาวเสฉวนคนหนึ่ง ที่มีท้องโตเช่นเดียวกับลูกสาวของเขา และแพทย์ได้วินิจฉัยว่า เด็กชายเป็นโรคบัดด์-ไคอารี ซินโดรม (Budd-Chiari syndrome) ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดสำเร็จในโรงพยาบาลทหารปืนใหญ่ที่ 2 ของกองทัพประชาชนจีน ในกรุงปักกิ่ง ดังนั้นแล้ว หูเทียนเผิง จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากทางโรงพยาบาล


เมื่อโรงพยาบาลได้รับรู้เรื่องนี้ ก็รับหนูน้อยหยุนซิงมารักษา ซึ่งนายแพทย์เปี้ยน เซ่อ แพทย์ประจำโรงพยาบาลทหารปืนใหญ่ที่ 2 ของกองทัพประชาชนจีน ในกรุงปักกิ่ง วินิจฉัยเบื้องต้นว่า เด็กน้อยเป็นโรค บลัดด์-ไคอารี ซินโดรม ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเส้นเลือดดำภายในตับ ทำให้เกิดของเหลวอัดแน่นในท้อง สำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคนี้อยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นหยวน หรือประมาณเกือบ 4 แสนบาท

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวหูไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาแต่อย่างใด เพราะกลุ่มแองเจิล มัม ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ทำงานช่วยเหลือครอบครัวคนยากจน จะช่วยออกค่ารักษาให้ทั้งหมด พร้อมกับได้เปิดบัญชีธนาคารให้ผู้ใจบุญร่วมบริจาคค่ารักษาพยาบาลเด็กที่ป่วยด้วยโรคนี้มาตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาแล้ว โดยนอกจากหยุนซิงแล้ว ยังมีเด็กอีก 4 คนที่เคยป่วยเป็นโรคนี้มาก่อนหน้า


ทั้งนี้ หูเทียนเผิง ยังบอกด้วยว่า ตอนที่ลูกสาวยังท้องไม่ใหญ่มาก เธอเป็นเด็กน้อยร่าเริง ชอบเต้นรำมาก แต่เมื่อท้องค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น เธอก็ไม่ได้ออกไปเล่นกับเด็ก ๆ คนอื่น หรือเต้นรำอีก เพราะรูปร่างไม่เอื้ออำนวย


เครดิต : kapook